สอบเทียบ Frequency Response ของ Working Standard Microphone

สอบเทียบ Frequency Response ของ Working Standard Microphone

ในการสอบเทียบ (calibration) ไมโครโฟนมาตรฐาน (Working Standard Microphone – WSM) นอกจากการมีการสอบเทียบค่าความไว Sensitivity หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญคือ การตอบสนองความถี่ (Frequency Response) เนื่องจากไมโครโฟนแต่ละตัวมีความไว (sensitivity) แตกต่างกันตามย่านความถี่ การตรวจสอบและบันทึกค่า frequency response จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การวัดเสียงในงานจริงมีความถูกต้องและสามารถเปรียบเทียบได้ตามมาตรฐานสากล เช่น IEC 61094-6

การใช้ Electrostatic Actuator

Actuator คืออุปกรณ์ที่สร้างสนามเสียงจำลองในลักษณะ pressure field หรือ coupler field เพื่อกระตุ้น (excite) ไมโครโฟนมาตรฐานในช่วงความถี่ที่กำหนด อุปกรณ์นี้มักใช้ร่วมกับ signal generator เพื่อเปรียบเทียบการตอบสนองระหว่างไมโครโฟนที่ทดสอบ (UUT: Unit Under Test) กับสัญญาณอ้างอิง

หลักการทำงาน Electrostatic Actuator

  1. สัญญาณไฟฟ้า จากเครื่องกำเนิดความถี่ (signal generator) จะถูกป้อนเข้าสู่ actuator driver
  2. ภายในห้อง coupler จะเกิดความดันเสียงที่สอดคล้องกับความถี่ที่กำหนด
  3. Working Standard Microphone (WSM) จะวัดแรงดันเสียงนี้และเปรียบเทียบกับ reference microphone ที่มีค่าการสอบเทียบย้อนกลับถึง National Metrology Institute (NMI)
  4. ค่าที่ได้จะถูกนำไป plot เป็น frequency response curve ของ WSM

การสอบเทียบ Frequency Response ของไมโครโฟนโดยใช้ Electrostatic Actuator ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการประกันคุณภาพการวัดเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของ Working Standard Microphone (WSM) ซึ่งถูกออกแบบและผลิตขึ้นตามข้อกำหนดของมาตรฐาน IEC 61094-4 เพื่อใช้เป็นมาตรฐานรองในการสอบเทียบไมโครโฟนชนิดอื่น ๆ ข้อมูลที่ได้จากการสอบเทียบลักษณะการตอบสนองต่อความถี่จะถูกนำมาเปรียบเทียบระหว่าง WSM กับไมโครโฟนอ้างอิงที่ผ่านการสอบเทียบตามมาตรฐานสากลแล้ว ทำให้สามารถตรวจสอบความถูกต้อง ความเสถียร และความสอดคล้องของ WSM ได้อย่างเป็นระบบ เมื่อมั่นใจว่า WSM มีคุณสมบัติครบถ้วน จึงสามารถนำไปใช้เป็นมาตรฐานรองในการสอบเทียบไมโครโฟนทั่วไปที่ใช้ในเครื่องวัดเสียงหรือการทดสอบด้านสิ่งแวดล้อม อุตสาหกรรม และงานวิจัยทางเสียงได้อย่างน่าเชื่อถือ

โดยสรุป การใช้ Electrostatic Actuator ในการสอบเทียบ Frequency Response ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับความแม่นยำในการสอบเทียบ แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจในโซ่การสอบกลับ (traceability chain) ของมาตรวิทยาด้านเสียง ทำให้ผลการวัดสามารถอ้างอิงได้ในระดับสากล.